Menu
ตระกร้าสินค้า 0

[Q.2] Rollei 35 แต่ละรุ่น นั้นต่างกันอย่างไร..

Posted by นายกล้องฟิล์ม กล้องฟิล์มดีดี on

คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิต ที่ทางผมได้ยินมาบ่อยมากๆ เพราะ กล้องฟิล์ม Rollei 35 นั้น มีหลายรุ่นรุ่นมากมาย จนหลายคนก็เริ่มที่จะสับสน และตั้งคำถามว่า มันมีกี่รุ่นกันแน่ แล้วแต่ละรุ่นนั้นแตกต่างกันยังงัย และ ตัวไหนที่เหมาะกับเรามากกว่า ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาว่ากันในประเด็นหน้า

เพื่อป้องกัน ความสับสนกันไปใหญ่ ผมจะขอแจกแจ้ง เฉพาะรุ่นปกติ ที่ผลิตมาเป็น Mass Production  จะไม่ขอพูดถึงรุ่นที่เป็น รุ่นพิเศษหรือ Limited Edition ในบทความนี้ นะครับ

 

เริ่มจาก ...

Rollei 35 นั้นผมแบ่งเป็น สองกลุ่มง่ายๆ  ตามความเข้าใจของผม ได้ตามนี้ครับ

รุ่นที่เป็น Standard Model : ได้แก่รุ่น Rollei 35, 35T, 35 TE, 35S และ 35 SE
รุ่นที่เป็น Entry/Eco Model (รุ่นประหยัด) :  ได้แก่รุ่น Rollei B35 และ 35 LED

Rollei 35 เหล่านี้ หลักๆ ความแตกต่างจะอยู่ 2 จุดครับ นั้นคือ เลนส์ และ ระบบแสดงผลการวัดแสง

 

พูดถึงเลนส์กันก่อน ...

เลนส์ที่ถูกนำมาใช้ หลักๆจะมี อยู่ 3 ตัวครับ ได้แค่

  1. Tessar 40mm F3.5 เป็นเลนส์มาตราฐานตัวแรก ที่ใช้ในการผลิตครั้งแรก มีใช้ใน Rollei 35, Rollei 35 T และ Rollei 35 TE
  2. Sonnar 40mm F2.8 เป็นเลนส์ที่ถูกพัฒนาจากตัว Tessar โดยมีการเคลือบ Coat Lens แบบใหม่ ช่วยในเรื่อง ความอิ่มของสี ลด Flare และป้องกัน Ghost ที่สำคัญ รูรับแสงนั้นกว้างขึ้นจาก 5 เป็น F2.8 ซ่วยในการถ่ายที่แสงน้อยได้ถึง เกือบ 1 Stop เลนส์ตัวนี้จะมีใช้ในรุ่น ที่ลงท้ายด้วย S นั้นคือ Rollei 35 S และ 35 SE นั้นเอง
  3. Triotar 40 mm 5 เป็นเลนส์ที่ถูกใช้ในรุ่นประหยัด มีการลดสเปค เพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยมีคุณสมบัติให้ใกล้เคียงกับ รุ่นมาตราฐานที่สุด เลนส์ตัวนี้มีใช้ในรุ่น Eco ได้แก Rollei B35 และ 35 LED

ซึ่งเลนส์ทั้ง 3 ตัวนั้นมาจากเบรน Carl Zeiss ที่เรารู้จักนั้นเอง

 

พูดถึงระบบวัดแสง..

 ระบบการแสดงผลที่ถูกนำมาใช้ หลักๆจะมี อยู่ 2 แบบครับ ได้แก่

แบบแสดงผลวัดแสงเป็นแบบเข็ม  จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ PX625** อยู่ในบอดี้กล้อง เหนือช่องใส่ฟิล์ม ตัวเข็มวัดแสงจะอยู่ด้านบนของตัวกล้อง มีใช้ใน Rollei 35, Rollei 35 T และ 35 S


แบบแสดงผลวัดแสงเป็นแบบไฟLED  จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ PX27 อยู่นอกบอดี้กล้อง ส่วนบนของบอดี้กล้อง ตัวไฟวัดแสงจะแสดงผลอยู่ในช่องมองภาพเลย รุ่นที่ใช้ จะมีตัว E ตามท้ายได้แก Rollei 35 TE, 35 SE และ 35 LED

** ถ้าเป็น Rollei B35 จะใช้พลังงานแสงอาทิตย์จาก Selenium Cell


ถ้าเขียนเป็นตาราง Matrix ด้านล่างจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น

 

วัดแสงแบบเข็ม

วัดแสงแบบไฟ LED

เลนส์ Tessar

Rollei 35 ,Rollei 35 T

Rollei 35 TE

เลนส์ Sonnar

Rollei 35 S

Rollei 35 SE

เลนส์ Triotar

Rollei B35

Rollei 35 LED

 
*** Rollei 35 และ Rollei 35T คือกล้องตัวเดียวกัน ซึ่ง ตัว Rollei 35 ได้เปลี่ยนชื่อ มาเป็น 35T ตั้งแต่ ที่ ทาง Rollei นั้นมีการผลิต รุ่น 35S ขึ้นมา เพื่อป้องกันความสับสนของผู้ใช้ ระหว่าง Rollei 35 T และ Rollei 35 S เลยได้ใส่ รหัส T และ S ซึ่งเป็นตัวอักษรแรกของชื่อเลนส์ มากำกับชื่อรุ่นของกล้องอีกที

 

ฉะนั้น ...

ถ้าเราพูดถึง Rollei 35 SE เราจะรู้และเข้าใจว่า มันคือกล้อง Rollei 35 รุ่น ที่ใช้เลนส์ Sonnar 40mm F2.8 จากตัวอักษร S และ รุ้ว่าระบบวัดแสงนั้นแสดงผลแบบ ไฟ LED จากตัวอักษร E

และเช่นเดียวกัน... ถ้าพูดถึง รุ่น Rollei 35 T เราจะเข้าใจว่า มันคือกล้อง Rollei 35 รุ่นที่มาตราฐาน ที่ใช้เลนส์ Tessar 40mm F3.5 จากตัวอักษร T และ รู้ว่า ระบบวัดแสงนั้นแสดงผลแบบเข็ม เพราะ ไม่มี ตัวอักษร E ต่อท้าย

 

ความแตกต่างของรุ่นประหยัด (Rollei B35,35 LED) กับ รุ่นมาตราฐาน

เนื่องจากวัตถุประสงค์ ของกล้องสองรุ่นนี้ คือต้องการที่จะลดต้นทุนการผลิต เพื่อที่จะได้ทำราคาได้ถูกลง เพื่อที่จะให้ผู้ใช้ที่มีงบจำกัด เน้นตลาดล่างนั้นจับต้องได้ โดยที่ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับ กล้อง Rollei 35 รุ่นมาตราฐาน

สิ่งที่ต่างที่เห็นได้ชัดนอกจากเลนส์ คือ พวกวัสดุที่นำมาผลิต นั้น จะเป็นวัสดุที่มีความทนทนต่ำกว่า รุ่นมาตราฐาน อาทิเช่น ตัวบอดี้ ที่ดูเหมือน มีความบอบบางเล็กน้อย และ พวก ฟันเฟือง ต่างๆ ที่จะวัสดุ ส่วนใหญ่ จะเป็นพลาสติก ซึ่งมีความทนทานต่ำกว่า รุ่นมาตราฐานที่เป็นโลหะ

แต่ก็ใช้ว่ามันจะพังได้ง่ายๆ นะครับ ความทนทานน้อยกว่าก็จริง แต่ หากใช้ถูกวิธี กล้องก็จะมีอายุการใช้งานนาน ไม่แพ้ รุ่นมาตราฐานเลยทีเดียว

 

 

 

ตอนนี้มีคำถามอยู่ใช่มั้ย ว่าเราจะเลือก กล้องฟิล์ม Rollei 35 แบบไหนให้เหมาะกับเรา ..?

.

.

.

.

.

.

ช่วยแชร์ บทความนี้หน่อย เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง ใน Q.3 ^^ 

 

บนความน่าสนใจอื่นๆ

 


Share this post



← Older Post Newer Post →


Leave a comment

Please note, comments must be approved before they are published.